กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง

กฎหมายล่าสุดที่คน HR ต้องรู้ !!   

ปี 2568 รัฐบาลได้ยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองลูกจ้าง โดยออกกฎหมาย  “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง”ขึ้นซึ่งมีผลบังคับใช้  1  ตุลาคม 2568  นี้

กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง คืออะไร ?

      กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง (Employee Welfare Fund)  คือ  กองทุนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพื่อเป็นหลักประกันให้กับลูกจ้าง 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง  ลาออก  หรือเสียชีวิต  กองทุนนี้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของลูกจ้างในช่วงที่ว่างงาน 

หรือในกรณีที่ไม่มีสิทธิประโยชน์อื่นจากนายจ้าง

ทำไมต้องเก็บกองทุนเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง ?

  • เป็นหลักประกันทางการเงินสำหรับลูกจ้างเมื่อออกจากงาน หรือเสียชีวิต
  • ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับค่าชดเชย
  • ส่งเสริมการออมระยะยาวของแรงงาน

เงื่อนไขและหลักการของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง คือ ?

        สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ซึ่งนายจ้างไม่ได้จัดให้มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนายจ้างต้องส่งเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตามกฎหมาย  

โดยลูกจ้างและนายจ้างต้องร่วมกันส่งเงินเข้ากองทุนส่วนละ  0.25%  (เพิ่มเป็น 0.5% ตั้งแต่ปี 73)  ซึ่งต้องนำส่งภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป  

โดยเงินที่ส่งเข้ากองทุนนั้น  จะถูกใช้เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ลูกจ้างที่ได้รับสิทธิเมื่อถูกเลิกจ้าง  ลาออก  หรือเสียชีวิต  เป็นต้น

ทำไม HR ควรให้ความสนใจเกี่ยวกับ กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ?

กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ของพนักงานและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน  โดยมีเหตุผลหลักๆ ดังนี้

เป็นข้อกำหนดตามกฎหมายแรงงาน

  • กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เป็นกลไกหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
  • HR ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เช่น ในกรณีที่นายจ้างเลิกกิจการโดยไม่จ่ายค่าชดเชย ระบบนี้จะช่วยให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์

มีบทบาทในกระบวนการออกจากงาน

  • เมื่อมีการเลิกจ้างหรือกรณีนายจ้างไม่สามารถจ่ายค่าชดเชยได้ HR จะเป็นผู้รวบรวมเอกสารและดำเนินเรื่องการขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างแทนพนักงาน

ช่วยรักษาภาพลักษณ์องค์กร

  • หาก HR บริหารจัดการเรื่องสิทธิประโยชน์ได้ดี พนักงานจะรู้สึกมั่นใจและมีความเชื่อมั่นในองค์กร โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤต เช่น บริษัทปิดกิจการ หรือลดขนาดองค์กร

ช่วยให้คำแนะนำพนักงานได้ถูกต้อง

  • พนักงานมักจะสอบถามสิทธิของตนเองเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น
  • HR ที่มีความรู้เรื่องกองทุนนี้จะสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นที่พึ่งให้กับพนักงานได้

ลดความเสี่ยงทางกฎหมายของบริษัท

  • หาก HR ไม่เข้าใจหรือเพิกเฉยต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาจทำให้องค์กรโดนฟ้องร้องหรือต้องเสียค่าปรับได้

.

สรุป : กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างคือหนึ่งในกลไกด้านแรงงานที่ HR จำเป็นต้องรู้ เพื่อคุ้มครองสิทธิของพนักงาน ดำเนินงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย

และช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในองค์กร

——————————— ———————————–

ค่าลดหย่อนปี  2568 ที่ HR ควรทราบ !!

กองทุน Thai ESGX  คืออะไร ?

      กองทุน Thai ESGX  (หรือ Thai ESG Extra)  คือ  กองทุนทางเลือกใหม่ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีพิเศษสำหรับปี 2568, โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ถือ LTF

ที่ต้องการสับเปลี่ยนมาลงทุนในกองทุนนี้  กองทุนนี้มุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ทางภาษี  (สำหรับใช้ลดหย่อนช่วง พ.ค.–มิ.ย. 68)

สำหรับผู้ลงทุนใหม่ : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท และไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน 

สำหรับผู้ที่สับเปลี่ยนจาก LTF  :  เดิมเต็มจำนวน (สูงสุด 500,000 บาท) จะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนปีแรก ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท  ปี 69– 72  ลดหย่อนต่อปี

ปีละ 50,000 บาท (รวมไม่เกิน 500,000 บาท)

สรุป : กองทุน Thai ESGX เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีและลงทุนในหุ้นที่ยั่งยืน กองทุนนี้มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีพิเศษสำหรับ

ปี 2568 และมีเงื่อนไขการลงทุนและการถือครองที่ชัดเจน

——————————— ———————————–

Easy E-Receipt  คืออะไร ?  

Easy E-Receipt  เป็นมาตรการภาษี ที่ช่วยลดหย่อนภาษี แก่ประชาชนที่ใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าดังกล่าว สามารถนำใบกำกับอิเล็กทรอนิกส์

มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และยังช่วยเหลือร้านค้าให้เข้าสู่ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย

เงื่อนไขและข้อกำหนดของ  Easy EReceipt

  • ต้องเป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • ต้องซื้อสินค้าหรือบริการ จากผู้ประกอบการ ในช่วงเวลา วันที่  16 ม.ค. – 28 ก.พ. 2568
  • วงเงินลดหย่อนสูงสุด รวมไม่เกิน 50,000 บาท โดย  30,000 บาทแรก สำหรับซื้อสินค้า/บริการทั่วไปจากร้านค้า VAT หรือไม่ใช่ VAT ที่ออก E-Tax Invoice หรือ E-Receipt
  • เพิ่มเติม 20,000 บาท สำหรับสินค้า/บริการจาก OTOP, วิสาหกิจชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม (ต้องออกเอกสาร E‑Receipt หรือ E‑Tax Invoice)

ทำไม HR ควรให้ความสนใจเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี ??

  • HR มีหน้าที่ ชี้แจง หรือแนะนำการใช้สิทธิประโยชน์ให้แก่พนักงาน  เกี่ยวกับค่าลดหย่อนภาษีต่างๆ
  • ช่วยส่งเสริมให้พนักงานได้มีการวางแผนภาษีได้อย่างคุ้มค่า  โดยการซื้อสินค้า/บริการช่วงต้นปี
  • พร้อมแนะการขอ  E-Receipt  ที่ใช้ลดหย่อนแก่พนักงานได้
  • HR สามารถ จัดทำสื่อสรุปง่ายๆ แจกพนักงาน หรือจัด session ให้ความรู้เพื่อช่วยให้พนักงานประหยัดภาษี
  • ช่วยลดคำถามซ้ำๆช่วงปลายปี  เช่น  ลดหย่อนอะไรได้บ้าง,   ใช้ใบเสร็จแบบไหนได้บ้าง   เป็นต้น
  • เสริมภาพลักษณ์ต่อ HR ที่สามารถเป็นที่ปรึกษาด้านการวางแผนสิทธิประโยชน์ภาษีให้แก่พนักงาน

ระบบ BUKALA ช่วยงาน HR
ในการบริหารจัดการ กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
และลดหย่อนได้อย่างไร ??
 

ระบบ BUKALA ช่วยงาน HR คือ :

✅ บันทึกสมาชิกเข้ากองทุนฯ อัตโนมัติ

✅ รองรับเข้าเป็นสมาชิกกองทุนฯ สัมพันธ์นโยบายบริษัทตามเงื่อนไขการลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

✅ คำนวณเงินหักเข้ากองทุนฯ และเงินสมทบนายจ้างเข้ากองทุนให้อัตโนมัติ

✅ HR สามารถออกรายงาน สกล.3 ได้ทันทีหลังทำเงินเดือนเสร็จ โดยไม่มีขั้นตอนการทำงานเพิ่ม

✅ สามารถเรียกดูรายงานประวัติการเป็นสมาชิกกองทุนฯ และเงินหักสะสมได้

——————————— ———————————–

สรุป : BUKALA  คือ ผู้ช่วยอัจฉริยะของงาน HR ในการจัดการเรื่องกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง และการลดหย่อนภาษีในรูปแบบต่าง ๆ

แบบครบจบในที่เดียว ทั้งคำนวณ แจ้งเตือนได้แบบอัตโนมัติและแม่นยำ   ช่วยลดเวลา  ลดความผิดพลาด  และเพิ่มประสิทธิภาพ

ในการทำงานของ  HR  ได้อย่างดี 

——————————— ———————————–

… ระบบ BUKALA PLAWANS BY COMPUPOWER …

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *